ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจมากที่สุดในเอเชียใต้ และมีตลาดอุตสาหกรรมค้าปลีกที่เฟื่องฟู ทำให้มีบริษัทค้าปลีกข้ามชาติหลายแห่งที่อยากเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดค้าปลีกในไทยพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากในยุคโซเชียลมีเดียและเครือข่าย 5G
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย แม้ว่าผลกระทบของ COVID-19 ต่อภาคค้าปลีกจะมีสูง โดยมีการหดตัวร้อยละ 5-10 ในไตรมาสแรกของปี 2020 แต่การเติบโตของธุรกิจการค้าปลีกอาหารกลับได้รับผลกระทบน้อยมากด้วยแรงสนับสนุนจากธุรกิจอาหารออนไลน์และฟู๊ดเดลิเวอรี่ รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
อานิสงส์ของการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกการผ่อนปรนมาตรการการเข้าประเทศทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นกำลังขับเคลื่อนตลาดค้าปลีกในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ จากการศึกษาพบว่า การกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น อย่างไรก็ดีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สมุนไพร งานฝีมือ เครื่องสำอาง ฯลฯ ยังคงรอนิสงค์จากนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้าอันดับต้นๆ
การเพิ่มขึ้นของประชากรในเมืองรองต่าง ๆ ในประเทศ ประชากรในเมืองต่าง ๆ นับเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด และผู้บริโภคในเมืองรองมีแนวโน้มที่จะมองหาความสะดวกสบายและแบรนด์คุณภาพสูงเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาเมืองต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ การมีอยู่ของประชากรวัยหนุ่มสาวและวัยทำงานจำนวนมากช่วยเพิ่มความต้องการของการขายปลีกของผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่น และของใช้ส่วนตัว
การแข่งขันในตลาดค้าปลีกไทยแม้จะมีผู้เล่นระดับนานาชาติรายใหญ่หลายรายที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย และเครือบริษัทไทยรายใหญ่ส่วนบางรายยังครองตลาดอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ บริษัทขนาดกลางถึงขนาดเล็กกำลังเพิ่มสถานะทางการตลาดอย่างต่อเนื่องโดยการเจาะตลาดใหม่ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศและเริ่มเจาะตลาดเพื่อนบ้านด้วยการใช้เทคโนโลยีทางการตลาดและระบบ online payment