ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรง การตลาดมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร กลยุทธ์การตลาดที่ดีจะช่วยสร้างแบรนด์ ดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ บทความนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดสองแนวทางหลัก ได้แก่ การตลาดระยะยาว และ การตลาดตามผลงาน
ทำไมต้องเข้าใจกลยุทธ์การตลาดทั้งสองแบบ?
การตลาดระยะยาวและการตลาดตามผลงานต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน การเข้าใจกลยุทธ์ทั้งสองแบบ จะช่วยให้นักการตลาดเลือกใช้เครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสมกับเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
การตลาดระยะยาว (Long-Term Marketing): เน้นกาารสร้างรากฐานให้แบรนด์
การตลาดระยะยาวจะเน้นให้ความสำคัญกับการวางรากฐานไม่ต่างอะไรกับการวางแผนก่อสร้างอาคารสูง ซึ่งจะเน้นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ แรงดึงดูด และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว แนวทางนี้เน้นการเล่าเรื่อง สร้างสัมพันธ์ และสร้างมุมมองแบรนด์เชิงบวกผ่านช่องทางออร์แกนิก เช่น การตลาดเนื้อหา (SEO) การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย และการสร้างชุมชน
ข้อดีของการตลาดระยะยาวนั้นชัดเจน ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์กับลูกค้า ชักนำลูกค้าเป้าหมายคุณภาพสูงแบบออร์แกนิก และส่งเสริมการสนับสนุนแบรนด์ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ต้องใช้หัวใจ ความอดทนและเวลา บางครั้งอาจใช้เวลาหลายปีกว่าผลลัพธ์จะปรากฏ ทำให้การวัดผลอาจไม่รวดเร็วเท่ากับการติดตามคลิกและ Conversion rate
วัดผลการตลาดระยะยาว: มองไกลกว่ายอดขาย
เน้นใช้การตลาดระยะยาวเพื่อสร้างความไว้วางใจต่อแบรนด์และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ มาหาคุณและเปลี่ยนเป็น Conversion ที่มีประสิทธิภาพ นักการตลาดควรวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาด และเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความชอบของลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ตัวชี้วัดแบรนด์:
การรับรู้แบรนด์: ติดตามการกล่าวถึงแบรนด์, Reach บนโซเชียลมีเดีย, และการเติบโตของ Traffic เว็บไซต์ ทำแบบสำรวจการรับรู้แบรนด์เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ความรู้สึกต่อแบรนด์: ติดตามรีวิวออนไลน์, บทสนทนาบนโซเชียลมีเดีย, และ Feedback จากลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจว่าลูกค้ามองแบรนด์ของคุณอย่างไร
การสนับสนุนแบรนด์: กระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ กระตุ้นการแชร์และขอคำแนะนำ, พร้อมรับฟังความต้องการของลูกค้าและผู้ติดตาม
Engagement metrics: ติดตาม Engagement บนโซเชียลมีเดีย, อัตราการเปิดอีเมล, และอัตราการคลิกผ่านเว็บไซต์เพื่อประเมินความสนใจของผู้ชมที่มีต่อเนื้อหาของคุณ
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ระยะยาวอย่างชัดเจน: กำหนดอย่างชัดเจนว่าคุณต้องการบรรลุอะไรจากความพยายามทางการตลาดระยะยาว สิ่งนี้จะเป็นแนวทางในการเลือกตัวชี้วัดและวิเคราะห์ อย่าพึ่งพาเพียงตัวชี้วัดเดียว ผสมผสานข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้ได้มุมมองแบบองค์รวมของผลการตลาดระยะยาว
อย่าลืมว่าการวัดผลลัพธ์การตลาดระยะยาวคือการทำความเข้าใจภาพใหญ่ แม้ว่าคุณอาจไม่เห็นการพุ่งขึ้นของ Conversion แต่ความพยายามของคุณอาจสร้างการรับรู้แบรนด์ ช่วยปลูกฝังความภักดี และปูทางไปสู่อนาคตที่ประสบความสำเร็จอย่างมั่งคงของธุรกิจ ด้วยการติดตามตัวชี้วัดที่เหมาะสมและวิเคราะห์อย่างละเอียด คุณจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าและปรับกลยุทธ์การตลาดระยะยาวของคุณเพื่อให้เกิดผลสูงสุดได้
การตลาดตามผลงาน (Performance Marketing):
Performance Marketing หรือการตลาดตามผลงานเป็นเหมือนทอร์โบบูสต์ของเครื่องยนต์ ที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนผลลัพธ์แบบทันท่วงทีและเฉพาะกิจ มักวัดผลผ่านแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีค่าใช้จ่าย เช่น Google Ads, Meta Ads หรือ Line Ads ด้วยการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำและติดตามแคมเปญได้อย่างละเอียด การตลาดตามผลงานส่งมอบ คอนเวอร์ชั่น(Conversion) หรือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายได้ทำตามเป้าหมายของแคมเปญนั้น ๆ เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อเก็บ Leads หรือซื้อสินค้า เป็นต้น อย่างไรก็ดีการเน้น KPI ระยะสั้นอาจขัดแย้งกับเป้าหมายแบรนด์ระยะยาว และอาจส่งผลต่อความภักดีและมูลค่าแบรนด์ในอนาคต
การผสมผสานที่ลงตัว: สร้างสมดุลระหว่างข้อดีของทั้งสองกลยุทธ์
การตลาดระยะยาวและการตลาดตามผลงานล้วนแต่มีข้อดี การเลือกกลยุทธ์ที่ได้ผลที่สุดมักเกิดจากการผสมผสานและหาสมดุลที่ลงตัว
นักการตลาดจำเป็นต้องติดตามทั้ง KPI ระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงตัวชี้วัดด้านสุขภาพแบรนด์ เช่น ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์และ Organic reach
ท้ายที่สุดแล้ว หัวใจสำคัญของความสำเร็จทางการตลาดอยู่ที่การทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะตัวและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เลือกผสมผสานกลยุทธ์การตลาดระยะยาวเพื่อสร้างฐานรากอันแข็งแกร่งและมั่งคง และการตลาดตามผลงาน เพื่อให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นบนท้องฟ้าดิจิทัล จะทำให้แบรนด์ของคุณแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือทางการขายและการตลาดที่มีประสิทธิภาพและวัดผลได้สำหรับธุรกิจค้าปลีกและ E-Commerce ของคุณ ห้ามพลาดการเข้าร่วมงาน ASEAN Retail Show 2024 วันที่ 11-14 กรกฎาคม 2567 ฮอลล์ 103
จองบูธ: https://www.aseanretailshow.com/booking/
ติดต่อเจ้าหนาที่: คุณวาทินี (โยเย)
อีเมล: watinee.kavin@gmail.com
หรือโทร: 086-888-3448
คุณฐานิดา (นก)
อีเมล: thanida88.kavin@gmail.com
หรือโทร: 0-2861-4013 ต่อ 126