CPN ทุ่ม 5 ปี 1.35 แสนลบ.สร้างแลนด์มาร์คทั่วประเทศ
วางเป้าดึง Traffic เพิ่มเป็น 1.8 ล้านคน/วัน
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดแผนงานช่วง 5 ปี (ปี 66-70) เฉลี่ยลงทุนปีละ 2.5-3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.35 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการทั้งหมดมากกว่า 200 โครงการ ครอบคุลม 30 เมืองในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย ศูนย์การค้า 50 แห่ง, คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 แห่ง, ที่อยู่อาศัย 90 แห่ง, โรงแรม 37 แห่ง, อาคารสำนักงาน 13 แห่ง และพื้นที่ใหม่ๆ Flex Offices อีก 4 แห่ง โดยจะทำให้จำนวนโครงการมิกซ์ยูสเพิ่มขึ้นจาก 18 โครงการในปี 66 เป็น 25 โครงการในปี 70
สำหรับแผนระยะยาว 5-10 ปีจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส Mega Projects รวม 5 โครงการ เพื่อยกมาตรฐานให้กรุงเทพฯ เทียบเท่ามหานครระดับโลก อย่างนิวยอร์ก, โตเกียว หรือโซล โดยโครงการแรก Dusit Central Park จะทยอยเปิดตัวในปี 67-68 รวมถึงอีก 4 โครงการใหญ่ที่แต่ละโครงการมีพื้นที่ GFA กว่า 350,000 ตารางเมตร และเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท
การเปิดตัว 4 โครงการใหม่ในปี 66-67 ได้แก่ Central Westville เปิดในไตรมาส 4/66 งบลงทุนกว่า 6.2 พันล้านบาท จะเป็น The Next Evolution of Semi-Outdoor Model พลิกโฉมย่านราชพฤกษ์ ซึ่งขณะนี้ Occupancy ร้านค้าเกือบเต็ม 100% ตอกย้ำความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ Central Eastville
ส่วน Central Nakhon Sawan จะเปิดในไตรมาล 1/67 งบลงทุน 5.8 พันล้านบาท และ Central Nakhon Pathom เปิดในไตรมาส2/67 งบลงทุน 8.2 พันล้านบาท เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ยกระดับศักยภาพของภูมิภาค เชื่อมต่อโซนภาคเหนือ และขยายสู่ภาคตะวันตกของประเทศ
และโครงการใหม่ล่าสุด Central Krabi งบลงทุน 4.5 พันล้านบาท จะเปิดในไตรมาส 4/67 เป็นมิกซ์ยูสเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็น The New Gateway to Southern Paradise ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ประกอบด้วยศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และโรงแรม เติมเต็มศักยภาพของกระบี่ที่เป็นเมืองที่มี world?s most famous islands และเป็น Top 5 จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยจะเป็น the first & largest complete landmark ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ
นางสาววัลยา กล่าวว่า การพัฒนาโครงการระดับ Mega Mixed-Used ของ CPN ใน 5-10 ปีนี้ จะใช้ที่ดินในมือที่มีอยู่นำมาพัฒนา ซึ่งยังมีอีก 4 โครงการ พื้นที่รวม 350,000 ตารางเมตร เงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ที่เตรียมพัฒนาบนที่ดินสถานทูตอังกฤษ เป็นการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์, ที่ดินพระราม 9 ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดจ๊อดแฟร์ 23 ไร่, ที่ดินพหลโยธิน 24 ใกล้กับเซ็นทรัล ลาดพร้าว และอีกทำเลยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเป็นโครงการ Mega Mixed-Used ที่ต่อเนื่องมาจากโครงการ Dusit Cemtral Park ที่จะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในปี 67
CPN ยังขยายและรีโนเวทโครงการที่มีอยู่เพื่อสร้าง Big Impact ได้แก่ เซ็นทรัล พัทยา ปรับโฉมโรงแรม Hilton ทำให้มียอดเข้าพักมากกว่าปี 62 แล้ว และเตรียมรีโนเวทศูนย์การค้า เพิ่มโซนต่างๆ ตอบรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยจะมีแบรนด์ Bridgeline และ luxury เพิ่มเติม ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่นิยมสินค้าแบรนด์เนม
และ ความสำเร็จของ Central Ramindra ที่มีทราฟฟิคเพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมเตรียมเดินหน้าส่วนขยายของ Central Westgate ที่ประสบความสำเร็จเป็น Super Regional Mall ที่ทราฟฟิกดีต่อเนื่อง เติมเต็มด้วย New Anchor ใหญ่ ขยายพื้นที่ค้าขายเพิ่ม และเพิ่มอาคารจอดรถ และยังมีรีโนเวทอื่นๆ ที่ตั้งใจทำให้เป็นศูนย์การค้าที่ดีที่สุดของทุกย่าน
อีกทั้ง ยังมีการปรับโฉมเซ็นทรัล อุบลราชธานี เตรียมรับโรงแรม Centara เติมเต็มมิกซ์ยูส, รวมถึงเซ็นทรัล มารีนา ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ เชียงใหม่ ขอนแก่น อีกด้วย
“CPN เดินหน้าเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ครบทุกองศาทั้ง Offline & Online ทั้ง shop-eat-work-play-stay-live ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 365 วัน ทุกที่ ทั่วประเทศ โดยภายใน 5 ปี ทราฟฟิคในโครงการของเราจะเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านคนเป็น 1.8 ล้านคนต่อวัน หรือคิดเป็นการมาใช้บริการ 657 ล้านครั้งต่อปี” นางวัลยา กล่าว
ด้านธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ เปิดตัวโปรเจ็คใหญ่ March Thonglor มูลค่า 2 พันล้านบาท (Soft Launch 26 มี.ค. 66) เป็น Flagship of Community mall และ New Landmark ที่ใหญ่และครบครันที่สุดใจกลางทองหล่อ จับกลุ่มกำลังซื้อสูง, คนทำงานจาก Office ที่อยู่ภายในโครงการเดียวกัน, และ Expat ชาวต่างชาติ เติมเต็มด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 2,300 ตารางเมตร เป็น Pet-Friendly และ Food Destination ใหญ่ที่สุดในย่าน มีที่จอดรถ 24 ชั่วโมง และยังจะพัฒนาโครงการปัจจุบันที่นวมินทร์ ซิตี้ และปรับปรุงอีก 4 แห่งในปีนี้
ธุรกิจที่อยู่อาศัย ชูกลยุทธ์สำคัญ คือ Best Location & Best in class ในทุกโลเคชั่น อยู่ติดหรือใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเริ่มขยายโปรเจ็คที่อยู่ติด โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ด้วย โดยนำจุดแข็งในเรื่องการทำ Synergy กับแบรนด์ชั้นนำในเครือ Central Group แผนปี 66 เตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ คือ ESCENT เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และนครศรีธรรมราช และ แนวราบ 4 โครงการ คือ บ้านนิรติ นครศรีธรรมราช และแบรนด์ใหม่ บ้านนิรดา พระราม 2, อุทยาน และเอกชัย ในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าภายในปี 70 จะครอบคลุม 27 จังหวัด
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ Central Pattana Residents รวมทุกความสะดวกสบายเพื่อการอยู่อาศัยไว้ในแอปเดียว เพื่อลูกบ้านโดยเฉพาะ
ธุรกิจอาคารสำนักงาน ชูจุดแข็ง Strategic Locations in CBD Bangkok โดยเตรียมเปิดเผยโปรเจ็คใหญ่ Central Park Offices ภายในโครงการ Dusit Central Park เป็น World-Class Professional Hub แห่งใหม่รองรับบริษัทชั้นนำระดับโลก บนโลเคชั่น Super Core CBD และบนชั้นพิเศษยังมี Private Outdoor Gardens อีกด้วย และเป็น World-Class Design and Facilities มุ่งเน้นการพัฒนาตามมาตรฐาน World-class LEED Gold Certified และการ Customized พื้นที่เพื่อธุรกิจทุกขนาด
ธุรกิจโรงแรม ชูความเชี่ยวชาญของ CPN ในการพัฒนาทำเลศักยภาพและเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมยกระดับมาตรฐานการเข้าพักอาศัยในโรงแรมและตอบโจทย์ทุกจุดประสงค์ของการเดินทาง ในปี 66 นี้จะเปิดโรงแรมครบทุก 3 แบรนด์ และจะมีโรงแรมทั้งสิ้น 10 แห่ง 1,600 ห้อง
สำหรับโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดปีนี้ ได้แก่ 1) แบรนด์ Centara: Upscale Full-Service เตรียมเปิด Centara Ubon? และ ?Centara Ayutthaya?, 2) แบรนด์ Centara One: Lifestyle Midscale เตรียมเปิดแห่งแรกคือ Centara One Rayong และ 3) แบรนด์ GO! Hotel: Premium Budget Hotel และเป็น Pet-Friendly เตรียมเปิดที่โรบินสันบ้านฉาง, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี
นางสาววัลยา เปิดเผยว่า จากทิศทางของการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าของ CPN เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีความคึกคักในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับการจัดงานและกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆมีการจัดงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลบวกต่อศูนย์การค้า และผู้เช่าในศูนย์ของค้าของ CPN ทำให้เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานของ CPN ที่จะเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 66
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง CPN กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 66 เติบโตราว 20% โดยปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจศูนย์การค้า ซึ่งปัจจุบันค่าเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าได้กลับมาระดับปกติแล้ว
ปัจจุบัน CPN มีพื้นที่เช่าศูนย์การค้ารวมกว่า 2.3 ล้านตารางเมตร และมีอัตราการเช่ามากกว่า 90% ส่วนการเติบโตของรายได้ในช่วง 5 ปีนี้ (ปี 66-70) วางเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 12-13% ต่อปี
Post Recent
ปี 2566 ธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ มีโอกาสโตกว่าที่คาดการณ์ไว้
ปี 2566 ธุรกิจบริการอาหาร
ธุรกิจฟู๊ดเดลิเวอรี่ในอาเซียนมูลค่ารวมเพิ่มขึ้น 37.5%
Momentum Works บริษัทร่วม